Rebuilding tourism in Asia-Pacific: A more conscious traveller?
Related content
Membina semula pelancongan di Asia Pasifik: Pelancong yang lebih berkesedar...
아시아태평양 지역의 관광 산업 회복: 지각 있는 여행자란?
การฟื้นฟูการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก: มีนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดช...
โควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวในหลายทิศทาง ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคที่ส่งผลเสียหายอย่างมากต่อชีวิตมนุษย์และสังคมได้เริ่มต้น นักท่องเที่ยวได้คิดใคร่ครวญถึงผลกระทบต่อวันหยุด พักผ่อนในชุมชน เศรษฐกิจในท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น แม้ว่าจะมีการหยิบยกประเด็นนี้ มาพูดถึงเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา แต่การแพร่ระบาดนี้ก็ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายและเร่งรัดการผลักดันไปสู่ การเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจและรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นในเอเชียแปซิฟิก
จากการสำรวจโดย Economist Impact ที่สอบถามนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนในภูมิภาค ทั้งในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย แสดงให้เห็นว่ามากกว่า 7 ใน 10 (71.8%) ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าโควิด-19 ได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนโดย ทำให้การท่องเที่ยวดังกล่าวมีความสำคัญต่อพวกเขามากขึ้น
ตัวเลขนี้เพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีกในบางประเทศ โดยที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 98.5% ในฟิลิปปินส์ 96.5% ใน อินเดีย และ 93.5% ในมาเลเซียกล่าวว่าการแพร่ระบาดได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน อีกทั้งมากกว่าสี่ในห้ายังกล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องมีหลักปฏิบัติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอีกด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรากำลังอยู่ในรุ่งอรุณของยุคแห่งการเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจรับผิดชอบมากขึ้น ผลการสำรวจของเราชี้ให้เห็นเช่นนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง (57.1%) กล่าวว่าพวกเขามีมุมมองต่อการท่องเที่ยวแตกต่างออกไป รวมถึงวิธีที่จะทำให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้ เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจในท้องถิ่น ชุมชน วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
รายงานจาก Economist Impact ที่ได้รับการสนับสนุนโดย Airbnb ฉบับนี้ สำรวจการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งศึกษาว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดได้บ้างจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดชอบ รายงานนี้อิงตามการศึกษาค้นคว้าที่ครอบคลุมในวงกว้างและการสำรวจนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนจากทั่วทั้งภูมิภาค รายงานฉบับนี้ เขียนโดย Siddharth Poddar และ เรียบเรียงโดย Pratima Singh
เราขอขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนต่อไปนี้ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม
• Soity Banerjee นักเขียนอิสระเรื่องการท่องเที่ยวและบรรณาธิการโครงการจาก Outlook Responsible Tourism Initiative
• Gaurav Bhatnagar ผู้อำนวยการจาก The Folk Tales
• Rachel Dodds ผู้อำนวยการจาก Sustaining Tourism และศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Ryerson University
• Randy Durband ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Global Sustainable Tourism Council
• Philip Goh รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก International Air Transport Association
• Freya Higgins-Desbiolles อาจารย์ภาควิชาการจัดการการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัย University of South Australia’s Business School
• Seul Ki Lee ผู้อำนวยการจาก LINC+ Project และรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย Sejong University
• Liz Ortiguera ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Pacific Asia Travel Association
More from this series
Related content
重新打造亞太地區旅遊業:更加自覺的旅客?
點擊下方按鈕,獲取完整報告:
アジア太平洋地域 の観光業を再構築:コンシャストラベ ラーとは?
아시아태평양 지역의 관광 산업 회복: 지각 있는 여행자란?
아시아태평양 지역의 관광 산업 회복: 지각 있는 여행자란?
Related content
アジア太平洋地域 の観光業を再構築:コンシャストラベ ラーとは?
Membina semula pelancongan di Asia Pasifik: Pelancong yang lebih berkesedar...
การฟื้นฟูการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก: มีนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดช...
โควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวในหลายทิศทาง ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคที่ส่งผลเสียหายอย่างมากต่อชีวิตมนุษย์และสังคมได้เริ่มต้น นักท่องเที่ยวได้คิดใคร่ครวญถึงผลกระทบต่อวันหยุด พักผ่อนในชุมชน เศรษฐกิจในท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น แม้ว่าจะมีการหยิบยกประเด็นนี้ มาพูดถึงเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา แต่การแพร่ระบาดนี้ก็ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายและเร่งรัดการผลักดันไปสู่ การเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจและรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นในเอเชียแปซิฟิก
จากการสำรวจโดย Economist Impact ที่สอบถามนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนในภูมิภาค ทั้งในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย แสดงให้เห็นว่ามากกว่า 7 ใน 10 (71.8%) ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าโควิด-19 ได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนโดย ทำให้การท่องเที่ยวดังกล่าวมีความสำคัญต่อพวกเขามากขึ้น
ตัวเลขนี้เพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีกในบางประเทศ โดยที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 98.5% ในฟิลิปปินส์ 96.5% ใน อินเดีย และ 93.5% ในมาเลเซียกล่าวว่าการแพร่ระบาดได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน อีกทั้งมากกว่าสี่ในห้ายังกล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องมีหลักปฏิบัติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอีกด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรากำลังอยู่ในรุ่งอรุณของยุคแห่งการเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจรับผิดชอบมากขึ้น ผลการสำรวจของเราชี้ให้เห็นเช่นนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง (57.1%) กล่าวว่าพวกเขามีมุมมองต่อการท่องเที่ยวแตกต่างออกไป รวมถึงวิธีที่จะทำให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้ เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจในท้องถิ่น ชุมชน วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
รายงานจาก Economist Impact ที่ได้รับการสนับสนุนโดย Airbnb ฉบับนี้ สำรวจการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งศึกษาว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดได้บ้างจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดชอบ รายงานนี้อิงตามการศึกษาค้นคว้าที่ครอบคลุมในวงกว้างและการสำรวจนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนจากทั่วทั้งภูมิภาค รายงานฉบับนี้ เขียนโดย Siddharth Poddar และ เรียบเรียงโดย Pratima Singh
เราขอขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนต่อไปนี้ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม
• Soity Banerjee นักเขียนอิสระเรื่องการท่องเที่ยวและบรรณาธิการโครงการจาก Outlook Responsible Tourism Initiative
• Gaurav Bhatnagar ผู้อำนวยการจาก The Folk Tales
• Rachel Dodds ผู้อำนวยการจาก Sustaining Tourism และศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Ryerson University
• Randy Durband ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Global Sustainable Tourism Council
• Philip Goh รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก International Air Transport Association
• Freya Higgins-Desbiolles อาจารย์ภาควิชาการจัดการการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัย University of South Australia’s Business School
• Seul Ki Lee ผู้อำนวยการจาก LINC+ Project และรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย Sejong University
• Liz Ortiguera ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Pacific Asia Travel Association
การฟื้นฟูการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก: มีนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดชอบมากขึ้นใช่ไหม
โควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวในหลายทิศทาง ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคที่ส่งผลเสียหายอย่างมากต่อชีวิตมนุษย์และสังคมได้เริ่มต้น นักท่องเที่ยวได้คิดใคร่ครวญถึงผลกระทบต่อวันหยุด พักผ่อนในชุมชน เศรษฐกิจในท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น แม้ว่าจะมีการหยิบยกประเด็นนี้ มาพูดถึงเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา แต่การแพร่ระบาดนี้ก็ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายและเร่งรัดการผลักดันไปสู่ การเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจและรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นในเอเชียแปซิฟิก
Related content
아시아태평양 지역의 관광 산업 회복: 지각 있는 여행자란?
Membina semula pelancongan di Asia Pasifik: Pelancong yang lebih berkesedar...
重新打造亞太地區旅遊業:更加自覺的旅客?
點擊下方按鈕,獲取完整報告:
Membina semula pelancongan di Asia Pasifik: Pelancong yang lebih berkesedaran?
Related content
重新打造亞太地區旅遊業:更加自覺的旅客?
點擊下方按鈕,獲取完整報告:
アジア太平洋地域 の観光業を再構築:コンシャストラベ ラーとは?
아시아태평양 지역의 관광 산업 회복: 지각 있는 여행자란?
アジア太平洋地域 の観光業を再構築:コンシャストラベ ラーとは?
Related content
การฟื้นฟูการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก: มีนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดช...
โควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวในหลายทิศทาง ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคที่ส่งผลเสียหายอย่างมากต่อชีวิตมนุษย์และสังคมได้เริ่มต้น นักท่องเที่ยวได้คิดใคร่ครวญถึงผลกระทบต่อวันหยุด พักผ่อนในชุมชน เศรษฐกิจในท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น แม้ว่าจะมีการหยิบยกประเด็นนี้ มาพูดถึงเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา แต่การแพร่ระบาดนี้ก็ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายและเร่งรัดการผลักดันไปสู่ การเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจและรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นในเอเชียแปซิฟิก
จากการสำรวจโดย Economist Impact ที่สอบถามนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนในภูมิภาค ทั้งในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย แสดงให้เห็นว่ามากกว่า 7 ใน 10 (71.8%) ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าโควิด-19 ได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนโดย ทำให้การท่องเที่ยวดังกล่าวมีความสำคัญต่อพวกเขามากขึ้น
ตัวเลขนี้เพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีกในบางประเทศ โดยที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 98.5% ในฟิลิปปินส์ 96.5% ใน อินเดีย และ 93.5% ในมาเลเซียกล่าวว่าการแพร่ระบาดได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน อีกทั้งมากกว่าสี่ในห้ายังกล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องมีหลักปฏิบัติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอีกด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรากำลังอยู่ในรุ่งอรุณของยุคแห่งการเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจรับผิดชอบมากขึ้น ผลการสำรวจของเราชี้ให้เห็นเช่นนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง (57.1%) กล่าวว่าพวกเขามีมุมมองต่อการท่องเที่ยวแตกต่างออกไป รวมถึงวิธีที่จะทำให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้ เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจในท้องถิ่น ชุมชน วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
รายงานจาก Economist Impact ที่ได้รับการสนับสนุนโดย Airbnb ฉบับนี้ สำรวจการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งศึกษาว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดได้บ้างจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดชอบ รายงานนี้อิงตามการศึกษาค้นคว้าที่ครอบคลุมในวงกว้างและการสำรวจนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนจากทั่วทั้งภูมิภาค รายงานฉบับนี้ เขียนโดย Siddharth Poddar และ เรียบเรียงโดย Pratima Singh
เราขอขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนต่อไปนี้ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม
• Soity Banerjee นักเขียนอิสระเรื่องการท่องเที่ยวและบรรณาธิการโครงการจาก Outlook Responsible Tourism Initiative
• Gaurav Bhatnagar ผู้อำนวยการจาก The Folk Tales
• Rachel Dodds ผู้อำนวยการจาก Sustaining Tourism และศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Ryerson University
• Randy Durband ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Global Sustainable Tourism Council
• Philip Goh รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก International Air Transport Association
• Freya Higgins-Desbiolles อาจารย์ภาควิชาการจัดการการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัย University of South Australia’s Business School
• Seul Ki Lee ผู้อำนวยการจาก LINC+ Project และรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย Sejong University
• Liz Ortiguera ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Pacific Asia Travel Association
Membina semula pelancongan di Asia Pasifik: Pelancong yang lebih berkesedar...
아시아태평양 지역의 관광 산업 회복: 지각 있는 여행자란?
重新打造亞太地區旅遊業:更加自覺的旅客?
Related content
Membina semula pelancongan di Asia Pasifik: Pelancong yang lebih berkesedar...
การฟื้นฟูการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก: มีนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดช...
โควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวในหลายทิศทาง ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคที่ส่งผลเสียหายอย่างมากต่อชีวิตมนุษย์และสังคมได้เริ่มต้น นักท่องเที่ยวได้คิดใคร่ครวญถึงผลกระทบต่อวันหยุด พักผ่อนในชุมชน เศรษฐกิจในท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น แม้ว่าจะมีการหยิบยกประเด็นนี้ มาพูดถึงเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา แต่การแพร่ระบาดนี้ก็ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายและเร่งรัดการผลักดันไปสู่ การเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจและรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นในเอเชียแปซิฟิก
จากการสำรวจโดย Economist Impact ที่สอบถามนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนในภูมิภาค ทั้งในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย แสดงให้เห็นว่ามากกว่า 7 ใน 10 (71.8%) ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าโควิด-19 ได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนโดย ทำให้การท่องเที่ยวดังกล่าวมีความสำคัญต่อพวกเขามากขึ้น
ตัวเลขนี้เพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีกในบางประเทศ โดยที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 98.5% ในฟิลิปปินส์ 96.5% ใน อินเดีย และ 93.5% ในมาเลเซียกล่าวว่าการแพร่ระบาดได้เปลี่ยนแนวความคิดของพวกเขาที่มีต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน อีกทั้งมากกว่าสี่ในห้ายังกล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องมีหลักปฏิบัติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอีกด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรากำลังอยู่ในรุ่งอรุณของยุคแห่งการเดินทางท่องเที่ยวที่ใส่ใจรับผิดชอบมากขึ้น ผลการสำรวจของเราชี้ให้เห็นเช่นนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง (57.1%) กล่าวว่าพวกเขามีมุมมองต่อการท่องเที่ยวแตกต่างออกไป รวมถึงวิธีที่จะทำให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้ เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจในท้องถิ่น ชุมชน วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
รายงานจาก Economist Impact ที่ได้รับการสนับสนุนโดย Airbnb ฉบับนี้ สำรวจการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งศึกษาว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดได้บ้างจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจรับผิดชอบ รายงานนี้อิงตามการศึกษาค้นคว้าที่ครอบคลุมในวงกว้างและการสำรวจนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,500 คนจากทั่วทั้งภูมิภาค รายงานฉบับนี้ เขียนโดย Siddharth Poddar และ เรียบเรียงโดย Pratima Singh
เราขอขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนต่อไปนี้ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม
• Soity Banerjee นักเขียนอิสระเรื่องการท่องเที่ยวและบรรณาธิการโครงการจาก Outlook Responsible Tourism Initiative
• Gaurav Bhatnagar ผู้อำนวยการจาก The Folk Tales
• Rachel Dodds ผู้อำนวยการจาก Sustaining Tourism และศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Ryerson University
• Randy Durband ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Global Sustainable Tourism Council
• Philip Goh รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก International Air Transport Association
• Freya Higgins-Desbiolles อาจารย์ภาควิชาการจัดการการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัย University of South Australia’s Business School
• Seul Ki Lee ผู้อำนวยการจาก LINC+ Project และรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย Sejong University
• Liz Ortiguera ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Pacific Asia Travel Association
아시아태평양 지역의 관광 산업 회복: 지각 있는 여행자란?
Travel and tourism | How will covid-19 reshape key Australian Industries?
Across the globe businesses in the travel and tourism sector have been left reeling from covid-19, and Australia is no exception. Tourism comprised 3.1% of the nation’s GDP—and 8.2% of export earnings—in 2018/2019, with an annual economic value of A$60.8b (US$40.2b).1 With planes grounded, tourist venues shuttered, cruise ships quarantined and all non-essential domestic and international travel banned since the end of March, it is difficult to identify an Australian economic sector more severely impacted by the pandemic.
17436
Related content
Financing sustainability | Infographic
Financing sustainability: How do investors and issuers in APAC's sustainable finance market view the present market opportunities and constraints?
To learn more:
Download report | Watch videoFinancing sustainability: Asia Pacific embraces the ESG challenge
Financing sustainability: Asia Pacific embraces the ESG challenge is an Economist Intelligence Unit report, sponsored by Westpac. It explores the drivers of sustainable finance growth in Asia Pacific as well as the factors constraining it. The analysis is based on two parallel surveys—one of investors and one of issuers—conducted in September and October 2019.
If the countries of Asia Pacific are to limit the negative environmental effects of continued economic growth, and companies in the region are to mitigate their potential climate risks and make a positive business contribution through improving the environment and meeting the UN's Sustainable Development Goals (SDGs), large volumes of investment in sustainable projects and businesses need to be mobilised. A viable sustainable finance market is taking shape in the region to channel commercial investor funds, and both investors and issuers say they are achieving a financial benefit from their investment and financing activities. The market is still in the early stages of development, however, and must expand and mature to meet investor needs.
The chief constraint on sustainable finance growth in the region has been the limited supply of bankable sustainable projects. Our research suggests supply is increasing, but with investor demand continuing to grow apace, the gap will remain an obstacle in the short- to medium-term. Among the organisations in our issuer survey, only 7% have used sustainable finance instruments to fund projects. However, nearly nine in ten (87%) said they intend to do so in the next year, which should begin to bridge the gap between supply and demand.
Based on issuers’ stated intentions, investors will have a range of instruments to choose from, including green loans and bonds and sustainability loans and bonds. Large numbers of investors indicate that they intend to deploy a greater proportion of capital to these over the next three years.
The Hinrich Foundation Sustainable Trade Index 2018
Yet the enthusiasm in Asia for trade does not appear to have waned. This broad societal consensus behind international trade has enabled Asian countries to continue broadening and deepening existing trading relationships, for example, by quickly hammering out a deal for the Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership (CPTPP) in early 2018 following the US’s withdrawal from its predecessor in 2017.
Asia, then, finds itself in the unique position of helping lead and sustain the global economy’s commitment to free and fair trade. It is in this context that the need for sustainability in trade is ever more crucial.
The Hinrich Foundation Sustainable Trade Index was created for the purpose of stimulating meaningful discussion of the full range of considerations that policymakers, business executives, and civil society leaders must take into account when managing and advancing international trade.
The index was commissioned by the Hinrich Foundation, a non-profit organisation focused on promoting sustainable trade. This, the second edition of the study, seeks to measure the capacity of 20 economies—19 in Asia along with the US—to participate in the international trading system in a manner that supports the long-term domestic and global goals of economic growth, environmental protection, and strengthened social capital. The index’s key findings include:
Countries in Asia, especially the richer ones, have broadly regressed in terms of trade sustainability. Hong Kong is developed Asia’s bright spot, recording a slight increase in its score and topping the 2018 index. Several middle-income countries perform admirably, led by Sri Lanka. For the economic pillar, countries generally performed well in terms of growing their labour forces as well as their per-head GDPs. For the social pillar, sharp drops for some countries in certain social pillar indicators contribute to an overall decline. For the environmental pillar, with deteriorating environmental sustainability in many rich countries, China, Laos and Pakistan are the only countries to record increases in scores. Sustainability is an ever more important determinant of FDI and vendor selection in choosing supply-chain partners. Companies are improving the sustainability of their supply chains by restructuring and broadening relationships with competitors and vendors.Disruption hub: Landing innovation in Asia’s corporate travel industry
This report explores the impact of digitisation and wider travel industry change on how companies manage corporate travel in the APAC region.
Related content
Three ingredients to make seamless travel happen
Seamless travel is a strong aspiration in human mobility. Today, our opportunities for travel are almost infinite. We can go practically everywhere, and often at quite low prices. But too often, getting from A to B remains more of a hassle than a real pleasure. This is especially true when travelling to less familiar places, where the challenge of understanding the options adds to the connection difficulties.
Seamless transport is not only about comfort. It is as much about economic growth or social inclusion. Getting semi-finished products just-in-time to the assembly line reduces capital costs. Linking up public transport in intelligent and fully accessible and intelligible ways may make the difference for someone being able to take a job as well as for someone visiting a foreign country.
’Seamless‘, after all, is just another way of saying that mobility is more efficient, anxiety-free against disruption. It means making people confident that they will be able to easily find and use the best travel option. It means ensuring that service disruptions in one component will be promptly addressed to minimise the impact on the user, with the help of all the other components. This should be a boon to all involved: users, operators, regulators, and investors, even insurers and society at large.
So if seamless mobility is the Holy Grail everyone is looking for, why isn’t it widely available?
Conventional wisdom holds that digital technology, by allowing unprecedented levels of information exchange in real time, will solve the co-ordination issue that is the crux for seamlessness. It is undeniable: big data on the servers of operators and smart phones in the pockets of users are a potentially powerful combination. Some of the benefits are already there and we can surely expect much more—for instance making it easier for foreign visitors to access travel information through translation and interpretation help.
Putting high tech at the core of our thinking about better mobility solutions is tempting. Transport certainly has a long history of focusing on technological innovation and now it is embracing digital technology with gusto.
Ultimately though, transport is not about technology and what it can do. It is about people and what they want to do. It should build on business models and behavioural patterns that make sense for companies, organisations and people involved. Technology is a powerful enabler but it won’t be enough to ensure seamless travel.
Even that very useful app on your smartphone is only the shiny tip of an iceberg. Underneath lies an invisible and complex structure of standards and regulations. Getting the support structure right can make or break innovative solutions as easily as demand. Sometimes seamless travel doesn’t happen because some outdated regulation simply prohibits an innovative practice, or because one element which makes sense from a holistic perspective is seen only as an additional cost by each of the partial service providers in the travel chain.
Agile, high-end regulation is vital for better physical connectivity. Good regulators will not just manage the status quo. They will also identify the ’missing links‘ (services to users or contractual arrangements between service providers) in seamless integration, and find ways to include those links in the regular scheme of things. We need savvy policy-makers and regulators as much as nerdy programmers.
So here, in a nutshell, is my three-ingredient seamless transport recipe for you to ponder: 1. Think of the user first and last; 2. Consider the enablers—high tech, low tech or other; 3. Ensure a sophisticated and agile regulatory response to customer requirements and technological opportunity.
The views and opinions expressed in this article are those of the authors and do not necessarily reflect the views of The Economist Intelligence Unit Limited (EIU) or any other member of The Economist Group. The Economist Group (including the EIU) cannot accept any responsibility or liability for reliance by any person on this article or any of the information, opinions or conclusions set out in the article.
Golden rules of the travel tech space race
Simon Vincent, EMEA President of Hilton Worldwide, outlines his two Golden Rules of the Travel Tech Space Race ahead of The Economist’s Future of Travel event on March 24th.
The last time you went abroad – did you check in to your flight online? It’s a service we take for granted to such a degree today that it barely warrants mention. But what about your hotel?
I’ve no doubt that Michael O’Leary and Tony Tyler, my co-panellists at The Future of Travel Summit will be at pains to stress the advances in technology that aviation has made compared to us hoteliers.
But with the lodging sector now buzzing with activity in this space I’m confident we’re going the right way about catching up. We’ve seen all manner of gadgets hit the headlines in recent months from Google Glass concierges at The Fairmont in San Francisco, to the proposed Henn-na hotel in Japan which will be entirely staffed by robots to Hilton’s own roll out of digital check in and room selection.
The onset of this ‘travel tech space race’ raises the question of the role we want technology to play in evolving our industry. The future of our businesses depends on us getting these choices right – following these two ‘golden rules’ of innovation:
Create a seamless travel experienceDespite the incredible advances technology has made in opening up the globe, in many ways it has also created a world where it has never been easier not to travel. Meetings can be skyped, presentations can become webinars and even once in a lifetime sightseeing trips can now be partially delivered from the comfort of your own home via virtual reality.
That puts the onus firmly on us to ensure we use technology to make every aspect of the travel experience as appealing as possible. In hotels that could mean anything from eliminating queues at check in, to customising rooms via apps, but it is a responsibility we all share through each stage of the journey. Gone are the days when inconvenience was an acceptable by-product of necessity.
Facilitate extraordinary serviceHistory tells us that with every technological advance, from the printing press to the production line, comes an opportunity to exploit efficiency. Travel is no different in constantly looking to newer systems to improve our operations.
However, in doing so, we must continue to hold sacred the principle of people serving people and avoid turning a desire for convenience into a devaluation of customer service. Digital advancements shouldn’t serve to make staff obsolete, but to free them from the shackles of paperwork to become ambassadors for the hotels and communities in which they work and live, creating memorable experiences for guests.
I believe hotels are more than mere places of accommodation. Enriching lives through human interaction is the essence of our business, something technology should help achieve but never replace.
The views and opinions expressed in this article are those of the authors and do not necessarily reflect the views of The Economist Intelligence Unit Limited (EIU) or any other member of The Economist Group. The Economist Group (including the EIU) cannot accept any responsibility or liability for reliance by any person on this article or any of the information, opinions or conclusions set out in the article.
Five-star cities: Asia’s best cities for work and recreation
The 2019 bleisure barometer: Asia’s best cities for work and recreation evaluates the bleisure potential of various cities in Asia-Pacific, based on a survey of global business travellers. It reveals that while Asia’s top bleisure destinations provide the right balance of business activity, high-quality infrastructure and top-flight leisure experiences, many less obvious choices stand out for different reasons, often involving opportunities for cultural exchange.
The key findings are:
Related content
Safe Cities Index 2019
Cities across the globe are growing in size and in terms of how connected they are. Which cities are best at keeping their citizens safe and how do they do it? An updated version of the Safe Cities Index 2017, the 2019 index covers 60 cities across the globe and defines how to measure security in a rapidly urbanising world.
Visit the Safe Cities hub for more interactive content >>
Flexible cities: The future of Australian infrastructure
As this report finds, cities need smarter and more flexible infrastructure to address these challenges— infrastructure that can make better use of existing space and resources, and that can adapt in accordance with uncertain, fast-moving future realities.
The idea of ‘flexible’ or future-proof cities is becoming more important. Imagine a roadway that works for today’s vehicles as well as tomorrow’s autonomous cars, an energy system that can provide reliable power despite spikes in usage (such as those that may come from greater adoption of electric cars), pylons that are mindful of overhead drones, a building that transforms depending on needs of its inhabitants, or an autonomous rail system that can double its capacity simply through changes to its operating algorithms.
Delivering infrastructure that is more responsive and flexible to future needs requires technological innovation as much as it does new approaches to planning, financing and procurement.
In this report, The EIU investigates the challenges facing cities and urban infrastructure in the near future, and the global trends and innovations in infrastructure that will be crucial in response. With an eye to international best practice, it focuses on the challenges and opportunities pertinent to Australia. Here, major cities are facing significant population growth forecasts that call into question their ability to continuously provide a high quality of life for their citizens. Challenges pertain to both meeting infrastructure need, and in delivering solutions, through effective planning, financing and collaboration, in time and on budget.
The key findings of the research include:
Australia is experiencing a number of growing pains. Population growth in cities is a universal trend—urban population is expected to rise by two-thirds by 2050 globally—but it is particularly acute in Australia, where cities must meet double or greater user demand without conflicting with the global targets set by the Paris Agreement and Agenda 2030. Such growth challenges the capacity and sustainability of cities’ infrastructure and the networks that connect them. Planners must also reckon with an ageing population, deteriorating infrastructure, adverse environmental change and evolving working patterns, altering the dynamics of how people operate in and navigate cities. A failure to respond to these challenges could result in declining economic productivity and threats to the quality of life for which Australian cities are renowned. To meet future demands, infrastructure builders across the globe are considering how they can expand the capacity of existing infrastructure and bolster the flexibility of new works. Updated networks like roads, railways and pipelines often need to accommodate twice their original usage demand without changing their physical footprint. The effective adoption of digital technology will be key to this transformation, such as updating metro systems with driverless trains and automatic controls, informed by large amounts of real-time data, to allow a more efficient use of capacity. Water and energy supply systems must also prove reliable in the face of natural disasters, shifts in market prices (such as oil or gas price shocks) or changes to supply sources (backups for solar generation, for example). New technological techniques and applications can help builders work more quickly, safely and cost-effectively. The design, construction and maintenance of infrastructure projects are increasingly driven by digital technologies, unlocking cost and time savings in building roads, railways and entire city centres. The cost and energy required to build with the highest safety margins could be reduced by remote monitoring through embedded sensors. Efficient, low-impact construction techniques will be important to reduce the disruption that construction and repairs have on metropolitan areas, too. Stakeholders are increasingly reliant on data to plan, build and optimise projects. Data generated by citizens and connected infrastructure are increasingly critical in delivering and operating smarter cities. Governments and infrastructure providers increasingly benefit from adding this data to their modelling and scenario planning. Open data can also allow citizens and third parties to solve problems or invent new applications that benefit all, from crowdsourcing potholes or reporting crime, to building new navigation apps. Australia’s state and federal governments, citizens, and commercial partners are still grappling with data ownership issues, but all are working to address the challenges. Mature financing and procurement practices help Australia attract international investment. Attractive markets encourage international competition for infrastructure procurement. Indeed, many of today’s projects are contracted to international players who bring advanced, ambitious proposals to government. And as demand for more advanced, flexible projects rises, players are increasingly presenting envelope-pushing approaches to win bids. Collaboration between governments, universities and commercial players is increasing, sparking innovation. Universities are playing a larger role in the advancement and application of infrastructure technology by partnering with private companies and government. New forms of collaboration are also more apparent among federal, state and local governments, and between governments and the private sector, potentially easing the problems posed by the historically disjointed nature of decision-making and long-term planning on major infrastructure. Australia has a strong record of robust infrastructure investment. Its leaders, institutions and businesses have identified the urgency and importance of responsible and smart infrastructure initiatives. As a result, Australia is well placed to wrestle with the challenges it faces, and, as it navigates infrastructure challenges earlier and with greater urgency than some other countries, could be a model for how other countries—in the OECD and in Asia-Pacific—can build smarter, more flexible, next-generation infrastructure in their cities.
Resetting the agenda: How ESG is shaping our future
The Covid-19 pandemic has exposed a wealth of interconnections – between ecological and human wellbeing, between economic and environmental fragility, between social inequality and health outcomes, and more. The consequences of these connections are now filtering through, reshaping our society and economy.
In this setting, the need to integrate environmental, social and governance (ESG) factors when investing has become even more critical. Institutional investors must employ ESG not just to mitigate risks and identify opportunities, but to engage with companies to bring about the positive change needed to drive a sustainable economic recovery in the post-Covid world.
In order to understand how ESG could be both a new performance marker and a growth driver in this environment, as well as how institutional investors are using ESG to make investment decisions and to assess their own performance, The Economist Intelligence Unit (EIU), sponsored by UBS, surveyed 450 institutional investors working in asset and wealth management firms, corporate pension funds, endowment funds, family offices, government agencies, hedge funds, insurance companies, pension funds, sovereign wealth funds and reinsurers in North America, Europe and Asia-Pacific.
Download the report and infographic to learn more.